note-taking-ipad-on-table

ในยุคที่การใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา แม้แต่การในการเรียนและจดเลคเชอร์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับแผ่นกระดาษอีกต่อไป เพราะสามารถจดลงอุปกรณ์ไอแพด (iPad) ทำให้เราทำงาน หรือเรียนได้สะดวกมากขึ้น อุปกรณ์แท็บเล็ต ปากกาสไตลัส และ แอพพลิเคชันดีๆ ติดเครื่อง เราก็สามารถจดสรุปเลคเชอร์ได้สวยงาม น่าอ่าน พกไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลา 

วันนี้เราจะพามาดู 6 แอพพลิเคชันยอดนิยม (ที่ไม่ใช้แอพ Note ที่ built-in มาในเครื่องอยู่แล้วนะ) สำหรับจดเลคเชอร์ จดบันทึก จดโน้ต เขียนหนังสือ หรือแม้แต่วาดรูป สามารถใช้ได้บน iPad, iPhone และบางอันก็ใช้บนระบบปฏิบัติการ Android (แต่ลิสท์นี้ไม่ได้เน้นแอพสำหรับแอนดรอยด์นะ) ได้ด้วย มีอะไรบ้าง มาดูกัน!

1. Noteshelf 

อาจจะเป็นแอพที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แต่ความสามารถของแอพนี้เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา สามารถเขียนทับบนไฟล์ PDF หรือรูปภาพได้เหมือนเจ้าอื่น ใช้งานแบบ split screen บน iPad ได้ลื่นไหล

รีวิวฟีเจอร์เด่นของ Noteshelf

• มีปากกาสีให้เลือกเยอะมาก เรียกได้ว่ามีหลายร้อยสี

• สามารถ Auto Backup ข้อมูลได้

• อัดเสียงไปด้วย จดบันทึกไปด้วยได้ เหมาะกับการเลคเชอร์

• บันทึกเสียงและแทรกมีเดียได้ง่ายๆ เพียงลากวาง

• สามารถรองรับฟอนต์ไทยได้

• สามารถสแกนลายมือของภาษาได้มากกว่า 65 ภาษา ทำให้เหมาะกับคนที่เรียนภาษาต่างประเทศอยู่

• ส่งออกไฟล์ไปเก็บไว้ใน iCloud, Dropbox, Google Drive, OneDrive ได้

iOS, MacOS – Noteshelf 

ราคา ฿299

2. GoodNotes

GoodNotes เป็นอีกหนึ่งแอพพลิเคชันชื่อดังสำหรับจดโน้ต แม้จะไม่ได้มีเครื่องมือเยอะมาก แต่ใช้สนุกสำหรับคนที่ชอบจดโน้ตด้วยลายมือตัวเอง เหมาะสำหรับคนที่ใช้ Apple Pencil 

รีวิวฟีเจอร์เด่นของ GoodNotes

• แอพเหมาะกับการจดโน้ตเป็นลายมือเขียน ชอบวาดรูป ติดปะตกแต่ง

• สามารถช่วยแปลงลายมือของเราให้เป็นตัวหนังสือได้

• ช่วยให้สามารถจดบันทึกทับลงไปบนไฟล์ PDF ได้

• สามารถลากแล้ววางไฟล์มีเดียต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูป GIFs เพจบนเว็บไซต์

• มี Dark Mode สำหรับใช้ตอนกลางคืน ถนอมสายตา

• ไ่ม่ค่อยเหมาะกับการพิมพ์

iOS, MacOS – GoodNotes 

ราคา ฿249 

3. Microsoft OneNote

ชื่อก็การันตีความน่าเชื่อถือได้ประมาณหนึ่งเลย เพราะมาจากค่าย Microsoft แต่ก็สามารถใช้บน iPhone และ iPad ได้ไม่มีปัญหาใดๆ แถมค่อนข้างลื่นไหลได้ดีมาก

รีวิวฟีเจอร์เด่นของ Microsoft OneNote

• จัดการไฟล์ง่ายด้วยการแบ่งเป็นหมวดหมู่ เป็นระเบียบมาก และการเสริชหาไฟล์ด้วยคีย์เวิร์ดก็ทำได้ง่าย มีประสิทธิภาพ

• มีรูปแบบกระดาษให้เลือกหลายแบบ

• การพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดค่อนข้างลื่นไหลกว่าแอปอื่นๆ

• สามารถลากแล้ววางไฟล์มีเดียต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูป GIFs เพจบนเว็บไซต์

• สามารถซัพพอร์ตไฟล์เสียง

iOS, MacOS – Microsoft OneNote 

Android – Microsoft OneNote

ราคา ฟรี (ผ่านการใช้บัญชี Microsoft)

4. Evernote

น่าจะเป็นแอพที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะอยู่ในวงการแอพพลิเคชันสำหรับ Productivity มานานหลายปี Evernote นั้นมีทั้งแบบฟรี และแบบจ่ายเงินซื้อฟีเจอร์ดีๆ เข้ามาเพิ่ม (แบบ Premium ปกติ และแบบ Business)

รีวิวฟีเจอร์เด่นของ Evernote

• สามารถเขียนทับบนไฟล์ PDF หรือรูปภาพได้

• มีฟีเจอร์ Version History ทำให้สามารถรีเซ็ตไฟล์กลับไปในจุดไหนก็ได้ของไฟล์ที่ถูก Backup ไว้

• ใช้งานแบบ Collaborate กันหลายคนในไฟล์เดียวได้

• เหมาะกับการทำงานมากกว่าเอาไว้เลคเชอร์เมื่อเทียบกับแอพอื่น

• สามารถลากแล้ววางไฟล์มีเดียต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูป GIFs เพจบนเว็บไซต์

• สามารถซัพพอร์ตไฟล์เสียง

iOS, MacOS – Evernote 

ราคา ฟรี หรือ จ่ายเงินซื้อพรีเมียมที่ราคา

5. Notability

เรียกได้ว่าเป็นแอพชื่อดังในบรรดา Note-taking แอพพลิเคชันมาก สำหรับ Notability เพราะเป็นแอพที่ทำอะไรได้หลายอย่างมาก ทุกยกย่องจากหลายสำนักมากๆ ให้เป็นแอพที่ดีที่สุดสำหรับการจดเลคเชอร์ในไอแพด

รีวิวฟีเจอร์เด่นของ Notability

• มีลักษณะของ Infinite scroll สามารถ scroll ได้เรื่อยๆ

• สามาถเขียนสองโน้ตได้พร้อมๆ กัน

• ช่วยให้สามารถจดบันทึกทับลงไปบนไฟล์ PDF ได้

• สามารถช่วยแปลงลายมือของเราให้เป็นตัวหนังสือได้

• มีฟังก์ชันที่สามารถสแกนได้ทั้งตัวหนังสือจากลายมือของเราได้

• มีเครื่องมือที่เหมาะกับการ Sketching แบบขั้นสูง

• สามารถลากแล้ววางไฟล์ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูป GIFs เพจบนเว็บไซต์

• สามารถซัพพอร์ตไฟล์เสียง

• มี Presentation Mode

iOS, MacOS – Notability 

ราคา ฿279 มี in-app purchases เพิ่มเติม

6. Flow by Moleskine 

เป็นแอพที่อาจจะไม่ได้อยู่มานานเท่าเจ้าอื่น แต่ก็น่าสนใจกว่าที่คุณคิด ที่มาที่น่าสนใจคือแอพนี้มีที่มาจากบริษัท Moleskine ซึ่งเป็นชื่อของสมุดจดโน้ตที่มีชื่อเสียงมากๆ และมีกำเนิดที่ประเทศอิตาลี 

รีวิวฟีเจอร์เด่นของ Flow

• มีฟีเจอร์ Infinite width documents ซึ่งก็คือหน้ากระดาษจะกว้างขนาดไหนก็ได้ ทำให้เหมาะกับการ brainstorm ไอเดีย และการวาดรูป

• มีชนิดของกระดาษให้เลือกแบบหลากหลาย

• มีเครื่องมือให้จดจำพวกปากกา ดินสอสี ไฮไลท์ ให้เลือกเยอะมาก สามารถจัดชุดเครื่องส่วนตัวที่ใช้บ่อยๆ เป็นของตัวเองได้

• ใช้งานแบบ split screen บน iPad ได้ลื่นไหล

iOS, MacOS – Flow by Moleskine 

ราคา ดาวน์โหลดมาใช้ฟรีในเดือนแรก เข้าสมาชิกในเดือนถัดไปที่ราคา 60 บาทต่อเดือน หรือ 360 บาทต่อไป (แบบรายปีคุ้มมาก)